(ว่าที่) เจ้าของรถยนต์ EV คันใหม่ต้องรู้ !
กับรีวิววิธีชาร์จไฟรถ EV ที่สถานี มีขั้นตอนยังไง ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง คอนเทนต์นี้ของเรามีคำตอบมาให้แล้ว กระซิบว่าไม่ต้องเป็นกังวลกันไป เพราะวิธีการชาร์จไฟง่ายกว่าที่คิด !
แต่ก่อนที่จะทำการชาร์จไฟที่สถานี มือใหม่อย่างเราต้องรู้อะไรบ้าง ?
เพื่อความสะดวกในการชาร์จไฟนอกสถานที่ มือใหม่อย่างเราควรที่จะต้องเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับข้อมูลรถยนต์ไฟฟ้าของเราเอาไว้ก่อนเบื้องต้น นอกจากนี้ยังรวมไปถึงระบบอำนวยความสะดวกในการชาร์จต่าง ๆ ถ้าอิงจากส่วนตัวของเรา สิ่งที่จำเป็นมาก ๆ ที่มือใหม่ควรที่จะต้องรู้ และจะต้องเตรียมพร้อมก่อนการขับรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองออกไปชาร์จไฟนอกบ้าน ก็คือ
- สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เราหมายตาไว้ ว่าเรามีจุดหมายให้กับน้องเค้านะ ไม่ใช่ว่าขับหาสถานีชาร์จไฟไปเรื่อย ๆ ส่วนใครที่อยากรู้ว่าตอนนี้มีสถานีที่ให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ไหนบ้าง เผื่อจะได้เล็ง ๆ ไว้ ก่อนจะขับพารถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองออกไปชาร์จ ก็สามารถเข้าไปเช็กสถานีใกล้ตัวกันได้ที่นี่ > คลิก
- นอกจากสถานีชาร์จไฟจะพร้อมแล้ว อย่าลืมโหลดแอปจองคิวล่วงหน้าไว้ก่อนด้วย อันนี้ฟีลเหมือนเราได้ปูพรมแดงเอาไว้ให้รถยนต์ไฟฟ้าของเรา โดยแอปที่โหลดควรจะต้องเป็นแอปของสถานีที่ให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเจ้านั้น ๆ เพราะถ้าเราโหลดแล้ว เวลาไปถึงหน้าสถานีปุ๊บ ก็จะสามารถเริ่มดำเนินการชาร์จไฟได้ทันที
เพราะบางสถานีอาจจะมีตู้ให้บริการชาร์จไฟเพียงแค่ตู้ – สองตู้ แล้วระยะเวลาในการชาร์จไฟของแต่ละคันก็ไม่ใช่แค่แป๊บ ๆ ดังนั้น ถ้าเราทำการจองคิวเอาไว้แล้ว ก็มั่นใจได้เลยว่า ไปถึงแล้วเราจะสามารถเริ่มทำการชาร์จได้เลย ไม่เสียเที่ยวอย่างแน่นอน
- หัวชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของเราเป็นแบบไหน อันนี้อย่าได้พลาด เพราะสถานีที่ให้บริการชาร์จไฟบางสถานี อาจจะมีหัวชาร์จไฟให้บริการไม่เหมือนกัน บางสถานีอาจจะมีแค่หัวชาร์จแบบ Type 1 ถ้าสมมุติรถของเราเป็นหัวชาร์จแบบ Type 2 ก็จะไม่สามารถใช้หัวชาร์จนี้ในการชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้าของเราได้ เช่นเดียวกันกับหัวชาร์จ DC แบบ CHAdeMO กับ CCS2 ก็เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นอย่าลืมเช็กดูให้ดีก่อนว่ารถยนต์ไฟฟ้าของเรามีหัวชาร์จแบบไหน แล้วสถานีที่เราเล็งไว้มีหัวชาร์จแบบที่เราต้องการจะใช้บริการกันไหม เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการใช้บริการนะ
- ระดับความรีบร้อนในการชาร์จไฟของเราในตอนนั้น อันนี้ดูเหมือนว่าจะไม่สำคัญ แต่มันมีผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรีในอนาคตกันได้เลย เพราะการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยปกติแล้วจะมีให้เลือกด้วยกัน 2 ระบบ คือ AC กับ DC ถ้าเกิดเป็นการชาร์จไฟแบบ AC จะใช้เวลานานกว่าก็จริง แต่ก็จะดีกับตัวแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าของเรามากกว่า แต่ถ้าสมมุติว่าในตอนนั้นเรามีความจำเป็นที่จะต้องชาร์จไฟให้เต็มเร็ว ๆ มีธุระด่วนที่จะต้องไปต่อ เราอาจจะเปลี่ยนมาชาร์จไฟแบบ DC ที่จะชาร์จไฟเต็มได้เร็วกว่า แต่ในขณะเดียวกันอาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี ที่เป็นต้นเหตุทำให้แบตเสื่อมไวได้ ดังนั้นถ้าหากเพื่อน ๆ ไม่ได้มีธุระเร่งด่วนอะไร เราขอแนะนำให้ชาร์จไฟแบบ AC (แต่อย่าลืมเช็กพิกัดสถานีที่มีให้บริการกันด้วย) หรือถ้ามีภารกิจรีบร้อนที่จะต้องไปต่อ เราอาจจะชาร์จไฟแบบ DC ไปก่อนรอบนึง แต่หลังจากนั้นอาจจะชาร์จด้วยกระแสไฟแบบ AC แทน เพื่อเซฟน้องแบตของเรา ไม่ให้ทำงานหนักเกินไป
ในส่วนของเรื่องที่ต้องรู้ก่อนการชาร์จไฟให้รถยนต์ไฟฟ้าในมุมของเราก็จะมีประมาณนี้ ถ้าหากเพื่อน ๆ คนไหนที่ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามาได้สักพัก แล้วมีอะไรอยากจะแนะนำเพิ่มเติม ก็สามารถคอมเมนต์ในช่องแสดงความคิดเห็นตอนท้ายของบทความนี้กันได้ 😉
เตรียมตัวกันเรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปก็ถึงเวลาขับรถยนต์ EV ของเราออกไปชาร์จไฟจริงกันบ้าง !
ก่อนที่เราจะขับรถยนต์ EV ของเราออกไปชาร์จไฟที่สถานีกัน ทางเราได้ทำการจองคิวเพื่อเข้าใช้บริการชาร์จไฟล่วงหน้าผ่านทางแอปพลิเคชันเป็นที่เรียบร้อย โดยพิกัดที่เราจะพาน้อง EV ของเราออกไปชาร์จไฟกันนั้น ได้แก่ สถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ PTT EV STATION โดยเราได้ทำการสมัครสมาชิก และลงทะเบียนจองคิวผ่านทางแอปพลิเคชัน EV STATION PluZ แล้วเรียบร้อย
สำหรับสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของที่นี่ จะสามารถจองคิวล่วงหน้าได้สูงสุด 1 วัน มีค่าบริการในการจองคิวอยู่ที่ 20 บาท ถ้าหากเราเข้าไปใช้บริการภายใน 10 นาทีแรก ระบบจะทำการคืนค่าจองให้ โดยจะหักเป็นส่วนลดจากค่าชาร์จไปเลย แต่ถ้าเราไปชาร์จไม่ทันตามเวลาที่จองไว้ ระบบจะหักค่าจองของเราออกไป ไม่คืนให้ทีหลังนะ เพราะฉะนั้นไปตามเวลาที่ทำการจองไว้ จะเป็นการดีที่สุด
| ขั้นตอนการจองคิวเพื่อใช้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (PTT EV STATION)
- เช็กสถานีที่เราต้องการใช้บริการในแอปให้เรียบร้อย ถ้าหากเราเลือกสถานีที่ต้องการกันได้แล้ว ก็ให้กดเข้าไปที่พิกัดสถานีนั้น ๆ กันได้เลย
- เลือกหัวชาร์จที่ต้องการ อย่าลืมเช็กหัวชาร์จของเรากันด้วยว่าอยู่ด้านไหน เพื่อความสะดวกในการจอดเทียบ
- เลือกเวลาที่ต้องการเข้าไปใช้บริการ โดยการใช้บริการต่อรอบ ทาง PTT เค้าให้คนละไม่เกิน 50 นาทีต่อการชาร์จนะ
- เสร็จเรียบร้อยทางแอปจะสรุปข้อมูลการจอง และการชำระเงินมาให้เราตามภาพ โดยเราสามารถจองล่วงหน้าได้แค่ 1 วันเท่านั้น สำหรับของ PTT
- ก่อนเข้าไปใช้บริการก็ให้เข้าไปที่หน้าการจอง แล้วกดเข้าไปทำการเช็กอินหน้าตู้ได้เลย
| ขั้นตอนการใช้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่สถานี
- เปิดหน้าที่เราทำการจองขึ้นมา สำหรับใครที่ไม่ได้จอง แต่ตู้ชาร์จหน้างานเกิดว่างขึ้นมา ก็สามารถเข้าแอปแล้วสแกนที่หน้าตู้ได้เลย
- หลังจากที่เราทำการ Check In เข้าใช้งานเรียบร้อย ทางแอปเค้าจะให้เราทำการสแกน QR Code ที่หน้าตู้ อย่าลืมดูรหัสตู้ก่อนนะ ว่าตรงกับที่เราจองมาไหม
- เปิดกล้องแล้วสแกน QR Code หน้าตู้ที่เราทำการจองเอาไว้ได้เลย
- ตรวจสอบรายละเอียดให้เรียบร้อย เสร็จแล้วให้จัดการเสียบหัวชาร์จเข้ากับตัวรถยนต์ไฟฟ้าของเรากันได้ อย่าลืมล็อกรถกันด้วยนะ ไม่งั้นจะไม่เริ่มการชาร์จเด้อ
- หลังจากเสียบหัวชาร์จเรียบร้อย ให้ทำการกดที่ปุ่ม Start Charging แล้วกดยืนยันอีกรอบ
- ขั้นตอนต่อมา ตัวระบบจะทำการเชื่อมต่อเข้ากับรถยนต์ไฟฟ้าของเรา ตรงนี้ใช้เวลารอสักพัก ถ้าระบบต่อเรียบร้อยจะมีเสียงกึกดังขึ้นที่ตู้ชาร์จ นั่นแปลว่ารถยนต์ของเรากำลังเริ่มชาร์จไฟแล้ว
- โดยหน้าชาร์จก็จะขึ้นข้อมูลการชาร์จมาให้เราแบบนี้ % การชาร์จก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาการชาร์จของเรา โดยขั้นตอนนี้เราสามารถปลดล็อกรถแล้วเข้าไปนั่งรอในรถกันได้นะ
- เราสามารถสไลด์หน้าจอขึ้น เพื่อดูรายละเอียดการชาร์จเพิ่มเติมได้ด้วย หลังจากนี้ก็แค่รอให้ชาร์จไฟเต็ม เท่านี้ก็เรียบร้อย
| ขั้นตอนการใช้บริการหลังจากชาร์จไฟเสร็จเรียบร้อย
- สมมุติว่าเราทำการชาร์จไฟจนเต็ม หรืออยู่ในระดับที่พอใจแล้ว และอยากจะหยุดชาร์จ ให้เราเข้าไปที่หน้าชาร์จแล้วกดที่เมนู Stop Charging
- ระบบจะให้เรากดยืนยันอีกครั้ง ถ้าเราแน่ใจว่าจะหยุดการชาร์จไว้ที่ตรงนี้ก็ให้กดยืนยันอีกรอบ
- ระบบจะทำการตัดกระแสไฟ ตรงนี้อาจจะรอระบบกันสักพักนึง
- เมื่อระบบตัดกระแสไฟเรียบร้อย ก็จะขึ้นข้อมูลรายละเอียดการชาร์จมาให้เรา รวมถึงค่าใช้จ่ายของการชาร์จในครั้งนี้ด้วย
- ถ้าหากว่าระบบมีการตัดเงินของเราเรียบร้อย เราก็สามารถกดที่คำว่า Done แล้วดึงสายชาร์จเก็บเข้าที่ตู้กันได้เลย โดยรถยนต์บางคันอาจจะต้องมี
- การกดยืนยันที่ตัวรถอีกรอบก่อน ถึงจะสามารถดึงสายชาร์จออกได้ อันนี้ก็อย่าลืมสังเกตดูที่หน้าจอรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองกันด้วยนะ
เท่านี้ก็เรียบร้อย บอกเลยว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะตัวแอปเค้ามีขั้นตอนบอกทุกอย่าง เพราะฉะนั้นอย่าได้กังวลกันไป หรือถ้าหากใครจะไปใช้งานที่สถานีบริการของเจ้าอื่น ๆ ก็อย่าลืมโหลดแอปเพื่อเข้าใช้งานที่สถานีบริการชาร์จไฟนั้น ๆ กันไว้ด้วย เพราะภายในแอปนอกจากเราจะสามารถทำการจองเพื่อเข้าใช้บริการล่วงหน้าได้แล้ว ยังสามารถเช็กสถานะว่างของตู้ชาร์จไฟที่สถานีนั้น ๆ กันก่อนได้ เผื่อว่าใครไม่ได้จองคิวล่วงหน้าไป ก็สามารถเช็กสถานะตู้ชาร์จไฟที่ว่าง ก่อนเข้าไปใช้บริการกันได้เลย
💭 มือใหม่ทั้งหลาย เห็นทีจะได้โล่งใจกันแล้ว เพราะเอาจริง ๆ ขั้นตอนของการชาร์จไฟไม่ได้ยากเลยทุกคน แถมที่สถานีก็มีวิธีการใช้งานบอกเอาไว้เป็นเบสิกของทุกสถานีกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลกันเลย หรือถ้าเอาตามที่เราแนะนำเลย ก็คือ ให้ทำการจองล่วงหน้ามาให้เรียบร้อย มาถึงจะได้ชาร์จไฟเลย ไม่ต้องเสียเวลามาลุ้นเอาที่หน้างาน
ส่วนวิธีการชำระเงินเดี๋ยวนี้ก็มีหลากหลาย ถ้าเบสิกสุด ๆ ก็คือการตัดผ่านบัตร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานีที่ให้บริการนั้น ๆ ด้วยว่าจะมีวิธีการชำระเงินยังไงบ้าง ก็หวังว่าคอนเทนต์นี้ของเราจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับมือใหม่ไม่มากก็น้อย ส่วนใครที่มีอะไรอยากจะแนะนำเพิ่มเติม อย่าลืมคอมเมนต์ไว้ได้นะ เผื่อเพื่อน ๆ จะได้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติมกัน 😎